Texapon N70 (Sodium Lauryl Ether Sulfate)
SLES 70%
N70 Sodium Lauryl Ether Sulfate (SLES) 70% เป็นสารลดแรงตึงผิว (Surfactant) เป็นสารลดแรงตึงผิวชนิดที่มีประจุลบ (Anionic Surfactant) เหมาะสำหรับชำระล้าง ทำความสะอาดได้ดี ให้ฟองเยอะ ที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและทำความสะอาด เพราะช่วยเพิ่มฟองและขจัดคราบไขมันได้ดี มีการใช้งานหลัก ๆ ดังนี้:
ประโยชน์และการใช้งาน:
อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย
- แชมพู: ช่วยเพิ่มฟอง ทำให้แชมพูสามารถกระจายตัวได้ดีบนเส้นผม และขจัดสิ่งสกปรกออกอย่างมีประสิทธิภาพ
- สบู่เหลวและครีมอาบน้ำ: ทำให้เกิดฟองหนานุ่ม ช่วยเพิ่มความรู้สึกสะอาดและสดชื่น
- เจลล้างมือ: ใช้เป็นสารลดแรงตึงผิวหลัก ช่วยทำความสะอาดและขจัดเชื้อโรค
- ยาสีฟัน: เป็นสารที่ช่วยกระจายสารทำความสะอาดในช่องปากและช่วยให้เกิดฟอง
อุตสาหกรรมทำความสะอาดในครัวเรือน
- น้ำยาล้างจาน: เป็นสารทำความสะอาดหลักที่ช่วยขจัดคราบไขมันและสิ่งสกปรกออกจากภาชนะ
- น้ำยาทำความสะอาดพื้นและห้องน้ำ: ทำให้เกิดฟองช่วยดึงคราบสกปรกออกจากพื้นผิว
- น้ำยาซักผ้า: ใช้เป็นส่วนประกอบในน้ำยาซักผ้าเพื่อช่วยละลายไขมันและสิ่งสกปรกบนเสื้อผ้า
อุตสาหกรรมทำความสะอาดในรถยนต์
- น้ำยาล้างรถ: ช่วยขจัดฝุ่นและขจัดคราบสกปรกบนตัวรถ
- น้ำยาเคลือบเงารถ: เป็นส่วนประกอบของน้ำยาเคลือบเงาที่ต้องมีคุณสมบัติทำความสะอาดก่อนเคลือบเงา
อุตสาหกรรมอื่นๆ
- น้ำยาทำความสะอาดในโรงงานอุตสาหกรรม: ใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ
- สารเติมแต่งในผลิตภัณฑ์เกษตร: ใช้เป็นสารช่วยกระจายตัวในสารเคมีทางการเกษตร
ข้อควรระวังด้านสุขภาพและความปลอดภัย
อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังและดวงตา
- SLES มีความอ่อนโยนกว่า SLS (ฟองเส้น) แต่ยังคงสามารถทำให้เกิดการระคายเคืองได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้ในความเข้มข้นสูง
- หากสัมผัสกับดวงตา อาจทำให้เกิดอาการแสบตาและการอักเสบของเยื่อบุตา
- หากใช้กับผิวเป็นเวลานาน หรือใช้บ่อย อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง
- ควรใช้ความเข้มข้นที่เหมาะสม (แชมพู 5-15%, สบู่เหลว 5-20%)
- รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาดทันที หากสัมผัสกับดวงตาหรือผิวหนังโดยตรง
- ควรใช้ร่วมกับสารลดการระคายเคือง เช่น Cocamidopropyl Betaine (CAPB) หรือ Glycerin
อาจทำให้ผิวแห้งหรือเสียสมดุลน้ำมันธรรมชาติของผิวหนัง
- เนื่องจาก SLES มีคุณสมบัติขจัดคราบไขมันและน้ำมันได้ดี หากใช้บ่อยหรือในความเข้มข้นสูง อาจทำให้ผิวแห้งลอกเป็นขุย
- อาจทำให้ หนังศีรษะแห้งและเกิดรังแคได้ หากใช้แชมพูที่มี SLES ในความเข้มข้นสูงเป็นเวลานาน
- ควรผสมกับ สารให้ความชุ่มชื้น เช่น Glycerin หรือ Propylene Glycol
- ควรใช้ค่า pH ที่เหมาะสม (pH 5.5 – 7.0) เพื่อลดการระคายเคือง
อาจทำให้เกิดอาการแพ้ในบางคน
- ผู้ที่มี ผิวแพ้ง่าย หรือเป็นโรคผิวหนัง เช่น Eczema หรือ Dermatitis อาจเกิดอาการแพ้จาก SLES
- บางคนอาจมีอาการ คัน ผื่นแดง หรือแสบผิวหนัง หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี SLES
- ทดสอบการแพ้ก่อนใช้ โดยทาผลิตภัณฑ์ที่มี SLES บางๆ บนผิวแล้วรอ 24 ชั่วโมง
- หากเกิดอาการระคายเคือง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารลดแรงตึงผิวที่อ่อนโยนกว่า เช่น Plantacare 1200UP หรือ CAPB
- ไม่ควรใช้ SLES ในผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กเล็ก
- ผิวของเด็กบอบบางกว่าผู้ใหญ่ และ SLES อาจแรงเกินไปสำหรับผลิตภัณฑ์เด็ก
- ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กควรใช้ สารลดแรงตึงผิวที่อ่อนโยนกว่า เช่น Sodium Cocoamphoacetate หรือ Decyl Glucoside
การเก็บรักษา
- ควรเก็บใน ที่แห้งและเย็น อุณหภูมิไม่ควรเกิน 30°C
- ปิดฝาภาชนะให้สนิท ป้องกันการดูดความชื้น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของสาร
วิธีการผสม Texapon N70 ลงในสูตรผลิตภัณฑ์
- ละลายในน้ำก่อนใช้งาน – ควรผสมในน้ำที่อุณหภูมิห้องหรืออุ่นเล็กน้อย (~30-40°C) เพื่อช่วยให้กระจายตัวได้ง่าย
- ใช้แรงกวนต่ำ – เพื่อป้องกันการเกิดฟองระหว่างผสม
- เติมสารเพิ่มความหนืด (Thickener) ตามต้องการ – เช่น เกลือ (Sodium Chloride) หรือสารหนืดอื่นๆ เพื่อปรับความหนืดของสูตร
- เติมส่วนผสมอื่นๆ ตามลำดับ – เช่น สารกันเสีย, สารเพิ่มฟอง, สี และน้ำหอม
- ตรวจสอบค่า pH – ค่า pH ที่เหมาะสมของผลิตภัณฑ์สุดท้ายควรอยู่ที่ 5.5 – 7.0
ข้อมูลของสารเคมี:
- ชื่อทางเคมี Sodium Lauryl Ether Sulfate (SLES 70%)
- ชื่อทางการค้า Texapon N70
- CAS Number 68585-34-2
- ลักษณะทางกายภาพ ของเหลวข้น สีขาวหรือเหลืองอ่อน
- ความหนืด 3,000 – 10,000 cP (ที่อุณหภูมิ 25°C)
- ความสามารถในการละลาย ละลายน้ำได้ดี
- ค่า pH (สารละลาย 1%) 0 – 9.0
- การเก็บรักษา ควรเก็บในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงความชื้น
- อายุการจัดเก็บ 12 เดือน
- แหล่งผลิตสินค้า เยอรมันนี (Germany)